ข้อมูลการเดินทางแสวงบุญ
สังเวชนียสถาน อินเดีย เนปาล และประเทศอื่นๆ ในพุทธศาสนา
วันนี้ฟาฟา ทราเวลนำพาทุกท่าน น้อมรำลึก
๑ ใน ๔ สังเวชนียสถาน ลำดับที่ ๑ : ลุมพินีวัน
“ดินแดนแห่งการประสูติของพระพุทธองค์”
ปัจจุบันลุมพินีวันตั้งอยู่ที่อำเภอไภรวา แคว้นอูธ ประเทศเนปาล เป็นพุทธสังเวชนียสถาน ๔ ตำบล เพียงแห่งเดียวที่อยู่นอกประเทศอินเดีย การเดินทางจะเป็นการเดินทางโดยรถยนต์ข้ามผ่านด่านโสโนลี และผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองทั้ง ๒ ประเทศคืออินเดียและเนปาล
ลุมพินีวัน เดิมเป็นสวนป่าสาธารณะหรือวโนทยานที่ร่มรื่นเหมาะแก่การพักผ่อน ในสมัยพุทธกาลลุมพินีวันตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างเมืองกบิลพัสดุ์กับเมืองเทวทหะ ในแคว้นสักกะ บนฝั่งแม่น้ำโรหิณี
หลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว ในยุคสมมัยของพระเจ้าอโศกมหาราช (ราว ๒๘๐-๓๕๐ ปีหลังจากพุทธกาล) ได้โปรดให้สร้างเสาหินขนาดใหญ่มาปักไว้ตรงบริเวณที่ประสูติ เรียกว่า เสาอโศก ที่จารึกข้อความเป็นอักษรพราหมีว่าพระพุทธเจ้าประสูติ ณ สถานที่แห่งนี้ (หากเรามองไปในส่วนยอดเสา จะมองเห็นตัวอักษรที่ยังปรากฏอยู่อย่างชัดเจน)
โดยหลังจากพุทธปรินิพาน กษัตริย์ซึ่งได้รับส่วนแบ่งแห่งพระบรมสารีริกธาตุ ได้นำพระบรมสารีริกธาตุมาบรรจุไว้ในสถูปแห่งหนึ่ง ไม่ไกลจากลุมพินีวันนัก จวบจนพุทธศักราชได้ ๒๙๔ ปี พระเจ้าอโศกมหาราชได้เสด็จนมัสการพุทธสังเวชนียสถานทั่วทั้งชมพูทวีป พร้อมด้วยพระโมคคัลลีบุตรติสสเถระ (หรือพระอุปคุต) ได้เสด็จมานมัสการ ณ ลุมพินีนี้ พระองค์โปรดฯ ให้พระโมคคัลลีบุตรติสสเถระนำทางและชี้จุดที่เจ้าชายสิทธัตถะประสูติ แล้วทรงสร้างอาราม พระเจดีย์และเสาศิลาจารึกไว้เป็นสัญลักษณ์ว่า ลุมพินีวันนี้มีความสำคัญอย่างไร ซึ่งเสาศิลาหินทรายของพระเจ้าอโศกยังคงตั้งอยู่ ณ ที่เดิมจนถึงปัจจุบัน
ปัจจุบัน ลุมพินีวันได้รับการบูรณะและมีถาวรวัตถุสำคัญที่ชาวพุทธนิยมไปสักการะ คือ “เสาหินพระเจ้าอโศกมหาราช” (เรามักจะสวดมนต์ สักการะบริเวณจุดนี้) เป็นสถานที่ที่ระบุว่า เป็นจุดประสูติของพระโพธิสัตว์สิทธัตถะราชเจ้าชายสิทธัตถะ นอกจากนี้ ยังมี “วิหารมายาเทวี” ภายในประดิษฐานภาพหินแกะสลักพระรูปพระนางสิริมหามายาประสูติพระราชโอรส โดยเป็นวิหารเก่ามีอายุร่วมสมัยกับเสาหินพระเจ้าอโศก ปัจจุบัน ทางการเนปาลได้สร้างวิหารใหม่ทับวิหารมายาเทวีหลังเก่า และได้ขุดค้นพบศิลาจารึกรูปคล้ายรอยเท้า สันนิษฐานว่าเป็นจารึกรอยเท้าก้าวที่เจ็ดของเจ้าชายสิทธัตถะที่ทรงดำเนินได้เจ็ดก้าวในวันประสูติ (พ.ศ. ๙๕๐) เป็นรอบพระบาทน้อย ที่เราสามารถเข้าไปสักการะได้ และยังเห็นด้วยตาด้วยศรัทธา ปัจจุบันภายในวิหารไม่อนุญาตให้นำกล้องถ่ายรูปหรือโทรศัพท์ทำการถ่ายภาพหรือบันทึกภาพภายในวิหารได้ครับ
#แล้วไปกันนะครับ
วันนี้ฟาฟาทราเวลจะนำพาทุกท่านสักการะ สังเวชนียสถานลำดับที่ ๒ “พุทธคยา”
พุทธคยา: สถานที่ตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
พุทธคยา คือคำเรียกกลุ่มพุทธสถานสำคัญในอำเภอคยา รัฐพิหาร ประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นพุทธสถานที่มีความสำคัญที่สุด ๑ ใน ๔ แห่ง ของชาวพุทธ เพราะเป็นที่ตั้งของสถานที่ตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
พุทธสังเวชนียสถานที่มีความสำคัญที่สุดของชาวพุทธทั่วโลก ปัจจุบันบริเวณพุทธศาสนสถานอันเป็นที่ตั้งของสถานที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้ามีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า วัดมหาโพธิ อยู่ในความดูแลของคณะกรรมการร่วม พุทธ-ฮินดู
พุทธคยา ปัจจุบันตั้งอยู่ด้านตะวันตกของแม่น้ำเนรัญชรา ไกลจากฝั่งแม่น้ำประมาณ 350 เมตร (นับจากพระแท่นวัชรอาสน์) พุทธคยามีสัญลักษณ์ที่สำคัญคือองค์เจดีย์สี่เหลี่ยมที่สูงใหญ่ โดยสูงถึง 51 เมตร ฐานวัดโดยรอบได้ 121.29 เมตร ล้อมรอบด้วยโบราณวัตถุโบราณสถานสำคัญ เช่น ต้นพระศรีมหาโพธิ์ พระแท่นวัชรอาสน์ ที่ประทับตรัสรู้และอนิมิสสเจดีย์ เป็นต้น
นอกจากพุทธสถานโบราณแล้ว บริเวณโดยรอบพุทธคยา ยังเป็นที่ตั้งของวัดพุทธนานาชาติ รวมทั้งวัดไทยคือ วัดไทยพุทธคยา เป็นต้น
สำหรับชาวพุทธ พุทธคยา นับเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่สำคัญที่สุดของนักแสวงบุญชาวพุทธทั่วโลกที่ต้องการมาสักการะสังเวชนียสถานสำคัญ ๑ ใน ๔ แห่งของพระพุทธศาสนา โดยในปี พ.ศ. 2545 วัดมหาโพธิ (พุทธคยา) สถานที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกประเภทมรดกทางวัฒนธรรม ขององค์การยูเนสโก
พุทธคยาในสมัยพุทธกาล อยู่ในดินแดนที่เรียกกันว่าชมพูทวีป ตั้งอยู่ในหมู่บ้านนิคมชื่อว่าอุรุเวลา ในแคว้นมคธ เมื่อพระพุทธองค์ได้ตรัสรู้แล้ว พระองค์ก็ได้ประทับอยู่ ณ พุทธคยาเพื่อเสวยวิมุตติสุข (ความสุขอันเกิดจากความหลุดพ้น) อยู่ 7 สัปดาห์ ณ โพธิมณฑลแห่งนี้ภายในเวลา 7 สัปดาห์ดังกล่าว ซึ่งรวมถึงเรื่องราวของตปุสสะ และภัลลิกะ 2 พ่อค้า ที่เดินทางผ่านมาเห็นพระพุทธองค์มีพระวรกายผ่องใส จึงเข้ามาถวายข้าวสัตตุผลและสัตตุก้อน แล้วแสดงตนเป็นทวิวาจกอุบาสก ผู้ถึงพระพุทธและพระธรรมเป็นสรณะคู่แรกของโลก และพระพุทธองค์ได้ทรงประทานพระเกศาแก่พ่อค้าทั้งคู่เป็นที่ระลึกในพุทธานุสสติด้วย
ปัจจุบันพุทธคยาได้รับการบูรณะและมีถาวรวัตถุที่สำคัญ ๆ ที่ชาวพุทธนิยมไปสักการะคือ พระมหาโพธิเจดีย์ อนุสรณ์สถานแห่งการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีลักษณะเป็นเจดีย์ 4 เหลี่ยม สูง 170 ฟุต วัดโดยรอบฐานได้ 121.29 เมตร ภายในประดิษฐาน พระพุทธเมตตา พระพุทธรูปที่รอดจากการถูกทำลายจากพระเจ้าศศางกา พระพุทธรูปองค์นี้เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยแบบศิลปะปาละ เป็นที่เคารพศรัทธาของชาวพุทธทั่วโลก
พระแท่นวัชรอาสน์ แปลว่าพระแท่นมหาบุรุษใจเพชร สร้างด้วยวัสดุหินทรายเป็นรูปหัวเพชรสี่เหลี่ยม กว้าง 4.10 นิ้ว 7.6 นิ้ว หนา 5 นิ้วครึ่ง ประดิษฐานอยู่ภายใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ เป็นพระแท่นจำลองขึ้นทับพระแท่นเดิม เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ ณ จุดนี้
ปัจจุบัน ประชาชนและรัฐบาลประเทศศรีลังกาได้อุทิศสร้างกำแพงแก้วทำด้วยทองคำแท้ ประดิษฐานรอบต้นพระศรีมหาโพธิ์และพระแท่นวัชรอาสน์ และนอกจากนี้ บริเวณพุทธคยาและโดยรอบยังมีสถานที่สำคัญมากมาย เช่น กลุ่มพระเจดีย์เสวยวิมุตติสุข สระมุจลินทร์ บ้านนางสุชาดา ถ้ำดงคสิริ (สถานที่เจ้าชายสิทธัตถะบำเพ็ญทุกกรกิริยา) วัดพุทธนานาชาติ เป็นต้น
🌟 การเดินทางเพื่อจาริกแสวงบุญ ณ ประเทศอินเดีย (ที่คิดถึง) 🌟
🚩 ฟาฟาทราเวล ขอนำพาทุกท่านกราบสักการะสังเวชนียสถาน ณ เมืองสารนาถ แคว้นเมืองพาราณสี ที่แสดงปฐมเทศนา สถานที่สำคัญในพุทธศาสนา
🌿 สารนาถ หรือ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เป็นสถานที่ที่พระพุทธองค์ทรงแสดงปฐมเทศนาโปรดปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ ในวันเพ็ญอาสาฬหมาส ก่อนพุทธศก ๔๕ ปี
🏛️ สถานที่นี้เคยเป็นศูนย์กลางของศาสนาพราหมณ์ และเป็นที่อาศัยของกวางที่พระเจ้ากรุงพาราณสีโปรดพระราชทานไว้ สร้างความคุ้มครองด้วยคุณธรรมของพระยากวางโพธิสัตว์
📜 ธัมเมกขสถูป สถูปโบราณทรงบาตรคว่ำ ก่อด้วยหินทราย สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช เป็นสถานที่แสดงธรรมที่นำพาให้ถึงความหลุดพ้น
🙏 สารนาถ เป็นบุญสถานของผู้ที่มาแสวงบุญ ไหว้พระ สวดมนต์ ปฏิบัติธรรมของชาวพุทธทั่วโลก ด้วยสำคัญที่ว่าเป็นสังฆรัตนะที่เกิดขึ้นสมบูรณ์ครั้งแรกของโลก
📅 อยากให้ทุกคนได้ไปเห็นด้วยตัวท่านเอง ในวันที่ 8-16 พ.ย. 67 🚌 เดินทางสะดวกสบาย พร้อมไกด์ดูแลใกล้ชิด 📞 สอบถามข้อมูลและจองด่วน โทร 025125568
#ทัวร์พุทธคยา #สังเวชนียสถาน #ฟาฟาทราเวล #จาริกแสวงบุญ #พาราณสี #สารนาถ #เดินทางสะดวกสบาย #ไกด์ดูแลใกล้ชิด
วันนี้ฟาฟา ทราเวลนำพาทุกท่าน น้อมรำลึก
๑ ใน ๔ สังเวชนียสถาน ลำดับที่ ๔ : เมืองกุสินารา
ดินแดนพุทธปรินิพพาน
กุสินารา : มหานครแห่งแคว้นมัลละ เมื่อครั้งพุทธกาลเป็นเมืองปรินิพพานขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หากมีคำถามว่าเพราะเหตุใด พระพุทธองค์จึงทรงมีพระประสงค์ที่จะเสด็จมาปรินิพพานยังเมืองกุสินารา ทั้งที่จะต้องเดินทางมาในระยะทางที่ไกลมาก ในขณะที่พระชนมายุ ๗๙ พรรษา และยังทรงพระประชวร แต่ยังทรงมีสติสัมปชัญญะมั่นคง ทรงอดกลั้นเวทนานั้นด้วยพลังแห่งขันติธรรม คือ อธิวาสนขันติ
เหตุที่พระองค์เดินทางมายังเมืองนี้ครั้งสุดท้าย ได้มีแสดงโดยย่อ ในอรรถกถา มี ๓ ข้อ คือ:
- เพื่อแสดงมหาสุทัสสนสูตร กล่าวคือ ชนอันมากเมื่อได้ฟังพระธรรมเทศนาของตถาคตแล้ว จักสำคัญกุศลว่าควรกระทำ
- เพื่อโปรดปัจฉิมสาวก คือ สุภัททปริพาชก ให้บรรลุมรรคผลนิพพาน
- เพื่อให้โทณพราหมณ์ระงับการวิวาท และทำหน้าที่แบ่งพระบรมสารีริกธาตุ
ในการเดินทางเพื่อมาสักการะ ณ กุสินารานี้ ปัจจุบัน เราจะสามารถเข้าไปทำการสักการะได้ 3 สถานที่สำคัญ คือ:
- สาลวโนทาน: ในสถานที่แห่งนี้ มีพุทธวิหารปรินิพพานอันมีพระพุทธรูปปางพระปรินิพพานสีทองประดิษฐานอยู่เพื่อเป็นตัวแทนให้เหล่าพุทธศาสนิกชนได้มากราบไหว้ ชวนให้เกิดความรู้สึกว่า เรานั้นได้เข้ามานมัสการพระบรมศพขององค์บรมศาสดาจริงๆ ดังนั้น หลายครั้งที่เราจะเห็นชาวพุทธทั้งชายไทยหรือต่างชาติ ได้ทำการสวดมนต์ทั้งน้ำตาด้วยความอาลัย ด้านหลังมีพระสถูปปรินิพพานขนาดใหญ่ โดยได้สร้างคร่อมแท่นปรินิพพาน พร้อมด้วยต้นสาละ
- มกุฏพันธนเจดีย์: อยู่ห่างจากสาลวโนทยานไม่มากนัก เป็นสถานที่เคลื่อนพระบรมศพขององค์พระบรมศาสดาเพื่อทำการถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ ปัจจุบันเป็นเจดีย์ก่อด้วยอิฐ ขนาดใหญ่ แต่ยังตงเหลือซากแห่งความเศร้า เพื่อให้เราได้นึกถึงองค์พระศาสดาเป็นครั้งสุดท้าย โดยสถานที่แห่งนี้มีความสำคัญตรงกับวันที่เราเรียกว่า วันอัฐมีบูชา
- โทณพราหมณ์เจดีย์: อยู่ห่างจากสถูปใหญ่ราว ๑ ก.ม. เป็นสถานที่ท่านโทณพราหมณ์ได้ทำการแบ่งพระบรมสาริกธาตุออกเป็น ๘ ส่วน เพื่อให้เจ้าแห่งแคว้นทั้ง ๘ เท่าๆ กัน และนำทะนานบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่เหลือจากการแบ่งมาสร้างพระตุมพเจดีย์ที่เมืองกุสินารา ปัจจุบันสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์นี้ ที่เราเหล่าชาวพุทธได้เดินทางมาสักการะเพื่อสักการะ ระลึกถึงลมหายใจสุดท้ายขององค์พระบรมศาสดาที่พระองค์ได้ให้ธรรมแก่เรา ให้เห็นความเป็นไปของไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา มาสิ่งใดเที่ยงแท้ แม้แต่พระองค์เอง เมื่อถึงวาระเวลาก็ต้องลาจากโลกนี้เช่นกัน
สิ่งที่คงเหลือไว้ให้เราและผู้ที่อยู่หนหลังระลึกถึงได้นั้น คือความกุศลและคุณงามความดีนั้นเอง
#แล้วไปกันนะครับ
“`