งานแห่พระเขี้ยวแก้ว ที่นั่ง VIP สำคัญอย่างไร ศรีลังกา

หนึ่งปีมีเพียง 11วัน10คืน ถือเป็นงานยิ่งใหญ่ประจำปีของชาวศรีลังกา ประชาชนร่วมงานกว่า 200,000 คนต่อวัน

ฟาฟา ทราเวล จัดรอบพิเศษ 9-13 สิงหาคม 2562 ทริปแสวงบุญศรีลังกา และชมแห่พระเขี้ยวแก้ว ที่นั่ง VIP รับจำนวนจำกัดเพียง 20 ที่เท่านั้น (เหลือ 5 คู่สุดท้าย) ราคาเริ่มต้น 36,500 บาท ราคานี้รวมที่นั่ง VIPและตั๋วเครื่องบินแบบไปกลับ บิน ศรีลังกาแอร์ไลน์ เรียบร้อยแล้ว สนใจสอบถามเพิ่มเติม โทร 089-1094455

ภาพขบวนแห่พระเขี้ยวแก้ว เมืองแคนดี้ ในวันสุดท้ายของการเฉลิมฉลอง

เทศกาลแห่พระเขี้ยวแก้ว เมืองแคนดี้ ประเทศศรีลังกา จัดขึ้นทุกปีประมาณเดือนสิงหาคม ระยะเวลา 10 คืนและอีก1วัน ถือเป็นงานมงคล สมโภชพระบรมธาตุเขี้ยวแก้ว ประจำปีของชาวศรีลังกา

พระบรมธาตุเขี้ยวแก้ว (พระทาฐธาตุ) หมายถึง พระธาตุส่วนที่เป็นเขี้ยวของพระพุทธเจ้ามีทั้งหมด ๔ องค์ ในมหาปรินิพพานสูตรระบุที่ประดิษฐานของพระบรมธาตุเขี้ยวแก้วทั้ง ๔ องค์ไว้ว่า 
➽องค์หนึ่งประดิษฐานอยู่ที่พระเจดีย์จุฬามณีบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ 
➽องค์หนึ่งประดิษฐานอยู่ที่พิภพพญานาค 
➽องค์หนึ่งประดิษฐานอยู่ที่แคว้นคันธาระ 
➽องค์หนึ่งประดิษฐานอยู่ที่แคว้นกาลิงคะ ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของอินเดีย

☞สรุปว่า พระบรมธาตุเขี้ยวแก้วในโลกมนุษย์มีเพียง ๒ องค์

✰✰องค์หนึ่งเคยอยู่ที่แคว้นคันธาระและปัจจุบันประดิษฐานอยู่ที่วัดหลิงกวง กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน
✰✰อีกองค์หนึ่งเคยอยู่ที่แคว้นกาลิงคะและปัจจุบันประดิษฐานอยู่ที่วัดพระบรมธาตุเขี้ยวแก้ว เมืองแคนดี้ ประเทศศรีลังกา

ศรีลังกานั้น ถือว่าพระบรมธาตุเขี้ยวแก้ว นั้นเป็นสิ่งสำคัญที่ยิ่ง โดยในราวเดือนสิงหาคมของทุกปีจะพิธีกรรมอันยิ่งใหญ่สมโภชพระบรมธาตุเขี้ยวแก้ว จะมีริ้วขบวนยาวเหยียดนำด้วยช้างที่ตกแต่งประดับประดาอย่างสวยงาม มีระบำรำฟ้อน การแสดงพื้นเมืองลังกา และดนตรีพื้นเมืองลังกาบรรเลงรอบเมือง

ประชาชนและนักท่องเที่ยว ผู้มาแสวงบุญทั่วทุกมุมโลก ต่างพากันมาจับจองที่นั่งเพื่อ ชม และนมัสการพระเขี้ยวแก้วกันอย่างมากมายในแต่ละวัน

ถ้านักท่องเที่ยวที่ไม่ได้ทำการจองที่นั่งไว้ก็ต้องแย่งชิง หาทำเล จับจองที่นั่งตามริมฝั่งถนน สองข้างทางตามขบวนแห่จนถึงหน้าวัดพระเขี้ยวแก้ว ส่วนทางกรุ๊ปฟาฟา ทราเวล นั้นได้ติดต่อและวางแผนงานเพื่อจองที่นั่ง VIP สำหรับผู้มาแสวงบุญ ไว้ล่วงหน้าทำให้สดวกสบาย และเป็นทำเล หน้าวัดพระเขี้ยวแก้ว

ถ้าไม่ได้จองที่นั่งไว้
รัฟาฟา ทราเวล จองที่นั่งไว้แล้ว แบบ VIP
รับประทานอาหารก่อนงานจะเริ่ม
ปรับที่นั่งเพื่อพร้อมชมขบวนแห่พระเขี้ยวแก้ว
ภาพมุมสูง
ที่นั่งแบบ VIP
ปิดท้ายด้วยรูปที่พัก ที่ฟาฟา ทราเวล จัดพักในทริปศรีลังกา แบบจัดเต็มในทุกๆทริป

ฟาฟา ทราเวล จัดรอบพิเศษ 9-13 สิงหาคม 2562 ทริปแสวงบุญศรีลังกา และชมแห่พระเขี้ยวแก้ว ที่นั่ง VIP รับจำนวนจำกัดเพียง 20 ที่เท่านั้น (เหลือ 5 คู่สุดท้าย) ราคาเริ่มต้น 36,500 บาท ราคานี้รวมที่นั่ง VIPและตั๋วเครื่องบินแบบไปกลับ บิน ศรีลังกาแอร์ไลน์ เรียบร้อยแล้ว สนใจสอบถามเพิ่มเติม โทร 089-1094455

“ทริปเดียว เที่ยว ทำบุญ สุขใจ ไปกับ ฟาฟา ทราเวล” 😊

✰เส้นทางแสวงบุญ ด้วยทีมงานมืออาชีพ

✰ที่พักและอาหาร จัดเต็มไม่มีกั้ก

✰ไกด์และผู้นำเที่ยว จิตจาริกแสวงบุญ พร้อมดูแลทุกท่านมีใบอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย

✰พร้อมช่างถ่ายภาพ คอยช่วยเหลือและบริการถ่ายรูปฟรี

ทริปบุญฟาฟา #ทัวร์ศรีลังกา #แห่พระเขี้ยวแก้ว #ทริปศรีลังกา

ใบอนุญาตธุรกิจนำเที่ยวเลขที่ 11/08413

Loading

พระโพธิ์สัตว์ปัทมปาณิ ปางหนึ่งของพระอวโลกิเตศวรมหาโพธิสัตว์

✰Bodhisattva Avalokiteśvara. Ajaṇṭā caves (พระโพธิ์สัตว์ปัทมปาณิ ปางหนึ่งของพระอวโลกิเตศวรมหาโพธิสัตว์)

เป็นพระมหาโพธิสัตว์องค์สำคัญที่มีผู้เคารพศรัทธามากที่สุด และเป็นเสมือนปุคคลาธิษฐานแห่งมหากรุณาคุณของพระพุทธเจ้าทั้งปวง พระมหาปณิธานของพระโพธิสัตว์พระองค์นี้มีอยู่ว่า หากยังมีสรรพสัตว์ตกทุกข์ได้ยากอยู่ จะไม่ขอบรรลุพุทธภูมิ พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์เป็นพระมหาโพธิสัตว์คู่พระทัยของพระอมิตาภพุทธเจ้า ซึ่งสวรรค์ของพระองค์ก็คือ สุขาวดี ทางเบื้องทิศตะวันตก


พระโพธิ์สัตว์ปัทมปาณิ พระโพธิสัตว์ผู้ถือดอกบัวนี้ ส่วนองค์ท่อนบนของพระโพธิสัตว์ ยืนเอียงพระวรกาย ทรงศิราภรณ์ สวมชฎามกุฎ พระพักตร์มน พระขนงเป็นสันนูนโค้งด้านบนเป็นร่อง พระนาสิกโด่ง พระโอษฐ์จีบ พระเนตรเหลือบต่ำ สวมสร้อยประคำและกรองศอ พระอังสาด้านซ้ายคล้องผ้าเฉวียงบ่า

ทรงเป็นบุคลาฐิษฐานของอุบาย ที่นำไปสู่ปัญญาเพื่อบรรลุพุทธภาวะ มีสองกร พระหัตถ์หนึ่งประทานพร อีกพระหัตถ์ทรงถือดอกบัว เป็นรูปแบบหนึ่งของ พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรที่มีผู้นับถืออย่างมาก ทั้งในศาสนาพุทธแบบมหายาน และวัชรยาน 

ภาพเขียนนี้ ทุกท่านจะได้ชมพร้อมระลึกถึงคุณของ พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร อายุกว่าสองพันปี เป็นภาพเขียนแรกของมหายาน ณ ถ้ำห้องหมายเลขหนึ่ง ในหมู่ถ้ำอชันต้า เมื่อมาถึงห้องนี้ พระโพธิสัตว์ผู้มากด้วยเมตตา จะเฝ้าประทานพรให้กับผู้มาเยือนและสักการะ ที่มาด้วยใจใสศรัทธาและมั่นคงในเมตตาขององค์พระโพธิสัตว์ ณ ประตูหน้าถ้ำ ก่อนที่ทุกท่านจะได้เข้ากราบพระประธานภายในถ้ำ ภาพเขียนทรงคุณค่านี้จะตราตรึงท่านตราบนานเท่า นานเปรียบเสมือนท่านได้ กราบเจ้าแม่กวนอิมและเจ้าแม่ทรงประทานพรให้แก่ทุกท่านที่ได้เดินทาง เข้ากราบสักการะ

สนใจร่วมแสวงบุญระหว่างวันที่ 20-25 มีนาคม2560

เดินทางสู่แดนพุทธเกษตร และตามรอยมหาโพธิสัตว์ ณ ถ้ำอชันต้า เอลโรล่า ได้ที่ line:fafatravel หรือโทร 0891094455

Loading

พระวัชรปาณีโพธิสัตว์ ภาพเขียนอายุกว่าพันปี ณ ถ้ำอชันต้า ประเทศอินเดีย

✰Bodhisattva Vajrapani (พระวัชรปาณีโพธิสัตว์)

ภาพเขียน ณ ห้องหมายเลข๑ ถ้ำอชันต้า ประเทศอินเดีย ด้านขวามือขององค์พระประธาน เคียงข้างกับ Bodhisattva Avalokitesvara (พระปัทมปาณีโพธิสัตว์ (ปางหนึ่งของพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์)
✰ภาพเขียนนี้พระสงฆ์นิกายมหายาน ได้วาดภาพขึ้น อายุหนึ่งพันกว่าปี เพื่อน้อมนมัสการถึงความสำคัญของเหล่าพระโพธิสัตว์ พระผู้ทรงสายฟ้าในพระหัตถ์ เป็นสัญลักษณ์แห่งการฟาดฟันกิเลส ตัณหาทั้งปวง ชาวพุทธมหายานถือว่าท่านเป็นพระโพธิสัตว์ที่มีความสำคัญมาก

“วัชระปาณี” หมายถึง ผู้ทรงวัชระไว้ในฝ่ามือ พระองค์ทรงเป็นองค์คุณแห่งพลัง แห่งความสำเร็จ ซึ่งไม่อาจทำลายได้ ผู้ที่กราบไหว้พระวัชรปาณีเชื่อว่าพระองค์สามารถขจัดอุปัทวันตรายทั้งปวง

ชาวธิเบตจึงเชื่อกันว่า หากจิตใจบรรลุถึงแสงสว่างแห่งธรรมได้แล้ว ก็จะสามารถตัดม่านหมอกแห่งความ
โง่เขลาหรือความไม่รู้ให้หมดไปได้ รวมทั้งความสับสนว้าวุ่นใจที่มีอยู่ในจิตใจของปุถุชนทั่วไป

วัชระ ธิเบตเรียกดอร์เจ เป็นสัญลักษณ์แห่งปัญญา ความกล้า และพละ หรือความเที่ยงตรงแห่งพระนิพพาน อันถือว่าเป็นปุริสภาวะ ซึ่งก็คือมณีฟ้า ทั้งแหลมคมและแข็งแกร่ง สามารถทำลายอกุศลมูลทุกประการโดยไม่มีสิ่งใดต้านทานได้

สนใจร่วมแสวงบุญระหว่างวันที่ 20-25 มีนาคม2560

เดินทางสู่แดนพุทธเกษตร และตามรอยมหาโพธิสัตว์ ณ ถ้ำอชันต้า เอลโรล่า ได้ที่ line:fafatravel หรือโทร 0891094455

Loading

เชิญชมภาพ ความประทับใจ สำหรับทริปที่ผ่านมา และร่วมแสวงบุญไปกับเรา

ร่วมเดินทางแสวงบุญไปกับ ฟาฟา ทราเวล

พร้อมข้อเสนอพิเศษ มากมาย ดูแลเป็นอย่างดี ที่พักสะอาดปลอดภัย อาหารอร่อย  กับทีมงานทั้งฝั่งไทยและอินเดีย ที่คอยบริการคุณตลอดการเดินทาง พร้อมพระวิทยากร และพ่อแม่ครูบาอาจารย์ที่จะเมตตา นำปฏิบัติธรรม ณ สังเวชนียสถาน ๔ ตำบล ราคามิตรภาพ โทรสอบถาม ข้อมูลเพิ่มเติม โทร 089-1094455 หรือ LINE:fafatravel

สามารถชมภาพความประทับใจได้ที่

https://www.facebook.com/fafaontour/

Loading

รีวิวที่พัก ระดับ5ดาว ที่ฟาฟา ทราเวล จัดให้แบบจัดเต็มที่เดลีในทริป พย.59 ที่ผ่านมา

รีวิวที่พักและห้องอาหาร เมืองเดลี ที่ทางฟาฟา ทราเวล

จัดทริปเดือน พฤศจิกายน 59 ที่ผ่านมา ต้องบอกว่าจัดเต็มจริงๆ

พัก โรงแรม Country Inn & Suites – by Carlson Delhi Satbari ระดับ 5 ดาว

พร้อมอาหารค่ำ และอาหารเช้าแบบจัดเต็ม รับรองไม่ผิดหวัง
 
สนใจร่วมทัวร์ครั้งต่อไป ติดต่อ 089-1094455 LINE: fafatravel

Loading

เส้นทางการบินที่แสนสบาย

960-P3252245

เดินทางวันแรก เพราะเหตุใดเราจึง จัดบินแบบนี้?

รอบการบิน ทำไมใช้เครื่องบิน Indigo ?

ตอบ:  มีหลายปัจจัย ไม่ใช่ว่าเพราะทัวร์อยากได้กำไรสูงสุดแต่ตรงกันข้าม เมื่อเราเลือกใช้ Indigo เรามีค่าใช้จ่ายเพิ่มอีกมากมาย อาทิเช่น ค่าตั๋วเครื่องบินภายในทั้งไปและกลับ ค่าห้องพักโรงแรม ค่าอาหารเย็น ค่าอาหารเช้า ค่าจ้างรถรับส่งจากสนามบินไปที่พัก ไปและกลับ และอื่นอีกมาก รวมๆแล้วอาจแพงกว่าค่าตั๋วเครื่องบินของอีกบางสายการบินก็ได้ แต่!!!! ขอย้ำว่า แต่!!! มันไม่ใช่ปัจจัยที่เราต้องการ เราต้องการให้ทุกท่าน ที่มาร่วมแสวงบุญกับเรา ได้รับบริการที่ดี ในราคาที่เหมาะสมเนื่องจากในสภาพเศรษฐกิจเป็นปัจจัยสำคัญ การเลือกสายการบินเดินทางก็ส่งผลต่อราคาทัวร์เป็นอย่างมาก นอกจากราคาค่าตั๋วแล้ว รอบการเดินทางก็เป็นปัจจัยสำคัญ เราต้องมองให้ลึก เราต้องเอาใส่ใจต่อลูกค้า เรื่องเล็กๆบางเรื่องเป็นเรื่องใหญ่สำหรับบางท่าน ยกตัวอย่าง การทานอาหาร ถ้าทัวร์ที่จัดมีพ่อแม่ครูบาอาจารย์ พระเถระ เดินทางร่วมแสวงบุญไปด้วย ถ้าเราเลือกรอบที่ไม่ดี โดยเฉพาะเรื่องอาหารเช้าและเที่ยง ถ้าเราไม่สามารถจัดหาให้ท่านได้ทัน ท่านก็คงไม่ได้ฉันอาหารอีกเป็นแน่ นี่เป็นหัวใจที่เราเลยต้องคำนึงถึงสูงสุดเป็นอันดับแรก

เพราะการชี้แจงว่าทำไมเราเลือกรอบบินตรงนี้กันเลย ว่ามันคุ้มอย่างไร

บินแบบเรา Indigo และต่อเครื่องอีกครั้งในวันรุ่งขึ้น ใช้ระยะเวลาบิน 1ชม45นาที และต่อเครื่องในวันรุ่งขึ้นตอนเช้าใช้เวลาต่อเครื่องบิน 45 นาที  ท่านจะได้รับประทานอาหารเย็น และพักผ่อนก่อนเดินทางต่ออีก 1 คืน ณ โรงแรมที่พัก และได้รับประทานอาหารเช้าก่อนบินภายใน เมื่อบินภายในถึงที่หมาย ท่านก็ได้ทานอาหารเที่ยงที่ภัตตาคารเมืองปัตนะ ถือว่าเป็นเส้นทางที่สะดวกสบาย ต่อการพักผ่อน และรับประทานอาหาร ~ค่าตั๋วปานกลาง เราขอนำงบค่าตั๋วมาจัดให้ท่านสบาย ณ โรงแรมที่พัก

บินตรงคงคยา ใช้ระยะเวลาบิน 2 ชม 45 นาที รอบบินจะออกจาก กทม 10.30 ถึงคยาประมาณบ่ายโมง โดยส่วนมากทัวร์จะให้ท่านรับประทานอาหารเที่ยงบินเครื่องบิน ค่าตั๋วแพงมาก

บินภายในต่อเครื่องที่เดลี ใช้ระยะเวลาบินจากไทยไปเดลี 4 ชม และรอต่อเครื่องบินอีก 1 – 2 ชม. และท่านต้องวิ่ง4X100  เพื่อต่อเครื่องให้ทัน ถึงเดลีเที่ยง เครื่องออกจากเดลีไปคยา บ่ายโมงครึ่ง ใช้ระยะเวลาบินจาก เดลี ไปคยาอีก 2 ชม ถึงคยาประมาณ บ่าย3โมงครึ่งเป็นอย่างเร็วถ้าเครื่องไม่ดีเลย์ รวมการเดินทางต้องออกจากไทยประมาณ 8.00น. ถึงคยา 15.30 น.  เป็นอย่างเร็ว ทัวร์ส่วนใหญ่จะให้ท่านรับประทานอาหารเช้าและเที่ยงบินเครื่องบินของสายการบิน (อาหารแขก~ฟาฟา ทราเวลเคยใช้บริการแล้ว ~พอทานได้ครับ ) ค่าตั๋วแพง

เห็นความใส่ใจที่เราตั้งใจมอบให้กับท่าน ในสภาพเศรษฐกิจแบบนี้ ท่านลองชั่งใจดีๆ ในการเลือกเดินทางแสวงบุญ การเดินทางแสวงบุญก็เหมือนการไปเที่ยว ไปทัวร์เช่นกัน เราขอแนะนำบริการดีๆ จากฟาฟา ทราเวลให้ท่านได้เลือกใช้บริการ แม้เราจะเลือกใช้สายการบิน lowcost จากอินเดีย แต่เราก็ขอเสริมพิเศษให้กับท่าน เพียงท่านใช้เวลาเดินทางแค่ 1 ชม 45 นาที เท่านั้นและตรงเข้าพักผ่อนยังโรงแรม 4 ดาวที่เราจัดไว้ให้ จะคุ้มค่าและประหยัดเงินในการแสวงบุญเป็นอย่างมาก จึงเป็นเหตุผลหลักที่เราเลือกจัดแผนการเดินทางแบบนี้ เพื่อลูกค้าจะได้สบายที่สุด ในราคาที่ประหยับที่สุด ในสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้

ขอบคุณที่ไว้ใจ และเลือกใช้บริการจากเรา ฟาฟา ทราเวล

เชิญร่วมแสวงบุญ

[insert page=’packagetour’ display=’content’]

Loading

เส้นทางแสวงบุญ กุสินารา สังเวชนียสถาน ๔ ตำบล อินเดีย เนปาล

 

ปรินิพพตสถาน พระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพาน

สังเวชนียสถานแห่งที่ ๔ กุสินารา

การดับรอบความปราศจากกิเลสที่ร้อยรัดคือการดับสนิท ดับด้วยไม่เหลือแห่งกิเลสและกองทุกข์ ที่ใต้ต้นสาละคู่ ณ สาลวโนทยาน เมืองกุสินารา พระพุทธเจ้าพระองค์ทรงเตือนสติ ไม่ให้ประมาท ซึ่งตรงกับวันเพ็ญเดือนวิสาขะ วันประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพานของพระพุทธเจ้า มีพุทธโอวาทความว่า “เราขอเตือนท่านทั้งหลาย สังขารทั้งหลายมีความเสื่อม ความสิ้นไปเป็นธรรมดาท่านทั้งหลายจงบำเพ็ญไตรสิขาคือ ศีล สมาธิ ปัญญาให้บริบูรณ์ด้วยความไม่ประมาทเถิด “


การเดินทางสู่เมือง กุสินารา

เมืองกุสินารา หรือ กาเซีย เป็นสังเวชนียสถาน ๔ ตำบล แห่งสุดท้ายสถานที่ พระพุทธองค์ทรงเสด็จดับขันธปรินิพพาน ณ สาลวโนทยาน ใต้ต้นสาละ

map-kusi

การเดินทางมาสู่เมืองกุสินารา โดยทั่วไปจะใช้เส้นทางรถยนต์ ระยะทางจากเมืองปัตนะมายังกุสินารา ประมาณ 350 กิโลเมตรใช้ระยะเวลาประมาณ 6 ชม หรืออีกเส้นทางหนึ่งคือ จากพาราณสี มายังกุสินารา ระยะทางประมาณ 280 กิโลเมตร ระยะเวลาประมาณ 6 ชม โดยผ่านเมืองใหญ่คือเมือง โครักขปูร์(Gorakhpur) ซึ่งห่างจากกุสินาราประมาณ 50  กิโลเมตร ในบางทริปที่แสวงบุญ ทางฟาฟา ทราเวลได้จัดให้พัก ณ เมืองโครักขปูร์ เนื่องจากช่วยลดระยะเวลาการเดินทางสู่ลุมพินีและกุสินาราได้ดีและห้องพักที่สะอาดและปลอดภัย

จาริกแสวงบุญ ณ เมืองกุสินารา

เมื่อเดินทางมาถึงเมืองกุสินารา สังเวชนียสถานที่สำคัญจุดหนึ่ง เป็นจุดที่ให้ระลึกถึงองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เสด็จดับขันธปรินิพพาน เป็นจุดที่เราทุกคนพึง ระลึกอยู่เสมอว่า สังขารนั้นไม่เที่ยง มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา ตามพุทธโอวาสที่ได้กล่าวไว้ว่า  “เราขอเตือนท่านทั้งหลาย สังขารทั้งหลายมีความเสื่อม ความสิ้นไปเป็นธรรมดาท่านทั้งหลายจงบำเพ็ญไตรสิขาคือ ศีล สมาธิ ปัญญาให้บริบูรณ์ด้วยความไม่ประมาทเถิด ” สถานที่สำคัญแห่งนี้ ในการจาริกแสวงบุญและกิจกรรมต่างๆมีดังต่อไปนี้

ณ บริเวณพุทธปรินิพพานวิหาร และพระสถูปเจดีย์

จุดที่สำคัญที่สุดในเมืองกุสินารา สถานที่พระพุทธองค์ทรงดับขันธ์ปรินิพพาน ภายในบริเวณประกอบไปด้วยสวนไม้สาละ และ วิหารที่ตั้งของพระพุทธไสยาสน์ปางปรินิพพาน ที่แสดงถึงพระพุทธองค์ทรงเสด็จดับขันธ์ ณ จุดแห่งนี้ รวมไปถึงพระสูปเจดีย์ด้านหลังวิหาร ซึ่งถือว่าเป็นจุดที่องค์พระพุทธเจ้าทรงเสด็จดับขันธ์ ณ จุดแห่งนี้ บรรยากาศบริเวณพุทธปรินิพพานสถาน มีความสลดหดหู่ ตรึงไว้ด้วยความอาลัยเศร้า เปรียบเสมือนองค์พระพุทธองค์ได้ทรงสอนให้แก่ผู้มาจาริกแสวงบุญไว้ว่า ร่างกายเรานั้นไม่มีความเที่ยงแท้แน่นอน เมื่อเรามาจาริก ณ สถานที่สำคัญแห่งนี้ต้องตระหนักในจิตใจอยู่สม่ำเสมอ และพิจารณาอยู่เป็นดิจ ในความไม่เที่ยงนี้

สำหรับการแสวงบุญและสร้างศรัทธาให้เกิดขึ้นนั้น ทางฟาฟา ทราเวลได้ร่วมกับคณะแสวงบุญในทุกๆทริปร่วมกันจัดทำ ผ้าห่มคลุมองค์พระพุทธรูปปางปรินิพพาน ถวายยังสถานที่สำคัญแห่งนี้ และร่วมกันสวดมนต์บูชาพระพุทธองค์ พร้อมร่วมเจริญจิตภาวนา ณ สถานที่แห่งนี้



ภาพกิจกรรมการจาริกแสวงบุญ ณ สาลวโนทยาน

ณ มกุฎพันธนเจดีย์ สถานที่ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ

จุดสำคัญอีกหนึ่งจุด ณ สังเวชนียสถานแห่งนี้ คือ มกุฎพันธนเจดีย์ สถานที่ที่ระบุไว้ว่า เป็นสถานที่ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระของพระพุทธเจ้า ซึ่งอยู่ห่างจาก สาลวโนทยานประมาณ 1 กิโลเมตร ภายในบริเวณจะมีสถูปเก่าแก่ ที่ตั้งอยู่ให้พึ่งระลึกเสมอว่า ณ จุดแห่งนี้เป็นที่ถวายพระเพลิง ในการจาริกแสวงบุญ ณ สถานที่แห่งนี้เราจะร่วมกันปลงอนิจจัง ณ สถานที่แห่งนี้ พร้อมทั้งแผ่เมตตา แผ่ส่วนบุญส่วนกุศล ให้กับญาติพี่น้องที่ล่วงลับไปแล้วในทุกๆชาติ ที่เรารู้จักอยู่ก็ดี ไม่รู้จักอยู่ก็ดี ตลอดจนผู้มีพระคุณ นายพระคุณต่างๆ รวมไปทั้งเจ้ากรรมนายเวรที่เราระลึกได้อยู่ก็ดี ระลึกไม่ได้อยู่ก็ดี พร้อมทั้งเทพเทวา ที่ปกปักรักษาเราและสถานที่สำคัญแห่งนี้ ได้พึงมารับส่วนบุญ ส่วนกุศล และร่วมโมทนาบุญกับคณะแสวงบุญ จากที่เราได้เพียรบำเพ็ญมาแล้ว ณ สถานที่สำคัญแห่งนี้ พร้อมกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศล


ภาพกิจกรรม ณ มกุฎพันธนเจดีย์


สถานที่ โทณพราหมณ์ จัดสรรแบ่งพระบรมสารีริกธาตุ

สถานที่อีกหนึ่งจุด ที่คณะแสวงบุญ จะได้ร่วมกันกราบไหว้พร้อมนั่งสมาธิ อธิษฐานจิต ณ จุดที่โทณพราหมณ์ จัดสรรแบ่งพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งอยู่บริเวณข้างวัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ ในส่วนนี้คณะแสวงบุญ จะร่วมกันนั่งสมาธิอธิษฐานจิต ตามบุญวาสนา ของแต่ละท่าน ถ้าเทพเทวาอนุเคราะห์ อาจเป็นไปได้ว่าบุญของผู้แสวงบุญได้รับพระบรมสารีริกธาตุ จะเสด็จลงมา ณ สถานที่แห่งนี้ (เป็นความเชื่อส่วนตัว) ก็เป็นไปได้ ถือว่าเป็นบุญของท่านนั้นๆ ที่อาจจะได้รับ

ภาพกิจกรรม ณ สถานที่แบ่งพระบรมสารีริกธาตุ


วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์

สถานที่สำคัญอีกหนึ่งจุด ที่คณะแสวงบุญ จะได้ร่วมกันทอดผ้าป่าสร้างวัดไทย ณ เมืองกุสินารา ประวัติความเป็นมา วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ ๑ วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ ตั้งอยู่ที่เมืองกุสินารา รัฐอุตตรประเทศ สาธารณรัฐอินเดีย เริ่มการก่อสร้างตั้งแต่ปีพ.ศ.๒๕๓๗ ภายใต้ดำริของพระสุเมธาธิบดี อดีตอธิบดีสงฆ์วัดมหาธาตุฯ โดยมีพระราชรัตนรังษี (ประธานสงฆ์วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์) เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง แล้วเสร็จสมบูรณ์ในปี พ.ศ.๒๕๔๒ ด้วยแรงศรัทธาของคณะสงฆ์ไทย คณะพุทธบริษัทชาวไทย และชาวพุทธในประเทศอินเดีย พร้อมใจกันสร้างขึ้น ณ เมืองกุสินารา อันเป็นสังเวชนียสถานที่ดับขันธปรินิพพานขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อเป็นการฟื้นฟูพระพุทธศาสนาคืนสู่มาตุภูมิ น้อมถวายเป็นพุทธบูชา และเฉลิมพระเกียรติถวายเป็นพระราชกุศลแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชเนื่องในวโรกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี และในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษาครบ ๗๒ พรรษา (ข้อมูลจากเว็บไซต์ วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ )


ข้อมูลต่างๆจากทางวัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ (ข้อมูลจากเว็บไซต์ วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ )

พระมหาเจดีย์ “พระมหาธาตุเฉลิมราชศรัทธา”

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระปรีชาสามารถในงานสถาปัตยกรรมไทยอย่างแท้จริง ดังได้พระราชทานฝีพระหัตถ์ให้เป็นที่ประจักษ์แก่พสกนิกร พร้อมทั้งยังพระราชทานคำวินิจฉัยเป็นลำดับ และตั้งแต่เริ่มแรกการออกแบบ พระองค์ท่านยังแสดงถึงความเป็นพุทธมามกะที่พร้อมจะถวายกุศลอันยิ่งใหญ่แก่พระศาสนา โดยพระราชทานทุนทรัพย์ส่วนพระองค์ในการก่อสร้างนับแต่มีพระบรมราชวินิจฉัยในเบื้องต้น และเมื่อการก่อสร้างเสร็จสิ้นแล้ว ยังทรงมีพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานทุนทรัพย์ส่วนพระองค์ เพื่อนำไปใช้เป็นทุนในการทำนุบำรุงให้ยั่งยืนตลอดไป อีกทั้งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมสารีริกธาตุกลับสู่แดนพุทธภูมิ และเส้นพระเจ้า เพื่ออัญเชิญไปประดิษฐานในพระธาตุเจดีย์ที่ได้มีพระราชกระแสรับสั่งแก่ผู้ใกล้ชิดว่า “เจดีย์ของฉัน”

แนวความคิดในการออกแบบตามพระราชดำริ 

รูปแบบทางสถาปัตยกรรม-ผู้ออกแบบต้องการให้แสดงออกถึงความเป็นงานสถาปัตยกรรมไทย ซึ่งมีการประสมประสานลักษณะเด่นทางสถาปัตยกรรมของธาตุเจดีย์ที่ปรากฏในประเทศไทยมาแต่โบราณ ทั้งนี้ความสูงโดยรวมของพระมหาเจดีย์จะไม่สูงเกินกว่าพระสถูปปรินิพพานที่สวนวโนทยาน (สาลวโนทยาน) คือสูงรวมไม่เกิน ๑๙ เมตร สถาปนิกได้ออกแบบโดยคำนึงถึงขนาดและสัดส่วนที่สวยงามภายใต้ข้อจำกัดดังกล่าว

ประโยชน์ใช้สอยอาคาร – แบ่งออกเป็นสองส่วน คือ ส่วนที่หนึ่งเป็นส่วนที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุประกอบเครื่องบูชา ซึ่งจะอยู่ในแกนกลางพระมหาเจดีย์ ส่วนที่สองคือพื้นที่ใช้งานของพุทธบริษัท ซึ่งมีพื้นที่ส่วนที่มีหลังคาคลุม สามารถปฏิบัติบูชาสักการะได้แม้ในขณะเวลากลางวันที่มีอากาศค่อนข้างร้อน และพื้นที่ส่วนเปิดโล่งรอบนอกที่ใช้เป็นลานประทักษิณเมื่อมีคนจำนวนมากได้

ออกแบบโดย อาจารย์วนิดา พึ่งสุนทร จากมหาวิทยาลัยศิลปากร ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานมาเพื่อประดิษฐานไว้ภายในพระมหาเจดีย์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ ทรงประกอบพิธียกยอดฉัตรพระมหาเจดีย์ พระมหาธาตุเฉลิมราชย์ศรัทธา เมื่อวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๔๘

———————————————————–

            เจดีย์มีไว้เป็นอนุสรณ์ คือ เป็นเครื่องระลึกถึงพระพุทธเจ้าเพื่อเตือนใจให้น้อมรำลึกถึงพระพุทธคุณและคำสอนของพระองค์แล้วตั้งใจนำมาประพฤติปฏิบัติ เราเรียนรู้ธรรมหรือจำมาได้บ้าง แต่บางทีชินชาไป พอเห็นพระพุทธรูปหรือพระเจดีย์ก็นึกขึ้นได้ หรือสำทับกับตัวเองให้มั่น ให้มีกำลังตั้งใจปฏิบัติ อย่างน้อยเข้าไปใกล้ได้เห็นพระเจดีย์แล้ว ใจโน้มไปในความสงบเบิกบานผ่องใส ก็เป็นบุญเป็นกุศล ไม่ใช่จะเอาความใหญ่โตหรือไปแข่งขนาดกับใคร

            พระสถูปเจดีย์ที่ตรัสรู้ และปรินิพพาน เป็นต้น ในอินเดียนั้นแม้เวลาล่วงไป ๒๕๐๐ กว่าปี ชาวพุทธก็เพียรพยายามเดินทางไปนมัสการกันไม่ขาด ตั้งใจไปกันจริงจัง และนับวันจะไปกันมากขึ้น คนไปแล้วก็ไปอีก บางคนไปมากมายหลายครั้ง แล้วก็ไม่ได้ติดใจว่าจะไปชมความใหญ่โตมโหฬาร 

พระธรรมปิฎก (ป.อ. ปยุตฺโต)


ที่พักและอาหาร

ในทริปการแสวงบุญ ณ เมืองกุสินารา ทางฟาฟา ทราเวล เลือกใช้บริการคือ โรงแรมที่พักในเมืองกุสินารา มาตรฐานสูงสุด ณ เมืองกุสินารา เช่น Lotus nito เป็นต้น โดยในบางทริปก็จะนำพาทุกท่านพักยัง วัดไทยกุสินารา เฉลิมราชย์ ซึ่งห้องพักจะแยกชายหญิง และพระ เป็นระเบียบเรียบร้อย และสะอาดพร้อมแต่ละห้องพักได้ 4-5 ท่าน พร้อมห้องน้ำและห้องอาบน้ำในตัว ซึ่งถ้าทริปที่เข้าพัก ณ วัดไทยกุสินารา ทุกท่านจะได้ร่วมทำบุญผ้าป่า และชำระหนี้สงฆ์ พร้อมทั้งรับประทานอาหาร ณ วัดไทยกุสินารา เช่นกัน

krm-P3231915 krm-P3231914 krm-P3231917


[insert page=’buddhist-destinations-1′ display=’content’]

เชิญร่วมแสวงบุญ

[insert page=’packagetour’ display=’content’]

Loading

เส้นทางแสวงบุญ วันนี้จะเป็นจุดเริ่มต้น สำหรับคุณ ฟาฟา ทราเวล

ขอบคุณจากใจ ลูกค้าของเรา ฟาฟา ทราเวล


Screen Shot 2559-08-19 at 15.45.23

mai-customer

Screen Shot 2559-08-19 at 16.05.23


และอีกหลากหลายความรู้สึกที่ดีดีๆ และบริการดีๆที่เรามอบให้

vn-PB114734

vn-PB114724

vn-PB114723

vn-PB114716

แทนคำขอบคุณจากใจ ทีมงานฟาฟา ทราเวล

การเดินทาง แสวงบุญ วันนี้จะเป็นเพียงจุดเริ่มต้น มิใช่จุดสุดท้ายของการเดินทาง

โทร 089.109.4455  / 095.956.1811 /095.816.5225 /02.512.5568

LINE ID: fafatravel

Loading

ข้อมูลแสวงบุญ สารนาถ พาราณสี สังเวชนียสถาน ๔ ตำบล อินเดีย เนปาล

ธัมมจักกัปปวัตตสถาน สถานที่แสดงธรรม

สังเวชนียสถานแห่งที่ ๓ สารนาถ

สถานที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนาที่ป่าอิสปตนมฤคทายวันแขวงพาราณสี ปัจจุบันเรียกว่าเมืองสารนาถ ธรรมจักรกัปปวัตนสูตรพระธรรมที่ทรงแสดงไว้ว่าเป็นทางสายกลางทำให้เกิดดวงตาเห็นธรรม ทำให้เกิดปัญญา เป็นไปเพื่อความสงบระงับ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อการตรัสรู้(คือรู้แจ่มแจ้ง) และเพื่อพระนิพพาน (สภาพที่ดับกิเลสและทุกข์ทั้งปวง) เหตุการณ์ที่สำคัญคือ วันพระธรรมจักรคือ วันที่ล้อแห่งพระธรรมของพระพุทธเจ้าได้หมุนไปเป็นครั้งแรก วันที่มีพระสงฆ์เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ในวันอาสฬหบูชา กิจกรรมสำคัญยิ่งที่ผู้ร่วมแสวงบุญเมื่อได้เดินทางมาถึงสถานที่แห่งนี้คือ การร่วมสวดมนต์ธัมจักรกัปปวัตนสูตร ณ ธัมเมกขสถูปเมืองสารนาถ พร้อมทั้งชมพระพุทธรูปปางแสดงพระธรรมเทศนา ณ พิพิธภัณฑสถานเมืองสารนาถ พร้อมทั้งร่วมเดินทางสู่แม่น้ำคง เพื่อล่องเรือชมวิธีชีวิตของชาวเมืองพาราณสี ในแบบฉบับที่ท่านจะไม่เคยพบมาก่อน


ธัมเมกขสถูป สารนาถ (มฤคทายวัน)

map-varanasiสังเวชนียสถานแห่งที่ ๓ เมืองสารนาถ ตั้งอยู่เมืองพาราณสี รัฐอุตตรประเทศ ประเทศอินเดีย ห่างจากตัวเมืองพาราณสีประมาณ ๑๕ กิโลเมตร สารนาถเป็นสถานที่สำคัญในประวัติพระพุทธศาสนาเป็นสถานที่ ที่พระพุทธองค์ทรงแสดงปฐมเทศนา ธรรมจักรกัปวัตนสูตร เพื่อโปรดเหล่าปัจวัคคีย์ ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ซึ่งปัจจุบันเรียกบริเวณนี้ว่าเมืองสารนาถ ภายในเมืองสารนาถประกอบไปด้วยสถานที่สำคัญทางพระพุทธศาสนาดังต่อไปนี้

ภาพเมืองสารนาถ ภาพจากเว็บ http://www.pbcindia.org/gallery/welcome-orgyen-samye-chokhor-ling
ภาพเมืองสารนาถ ภาพจากเว็บ http://www.pbcindia.org/gallery/welcome-orgyen-samye-chokhor-ling

ธัมเมกขสถูป

สถูปที่แสดงให้เห็นว่า สถานที่ตำแหน่งนี้ พระพุทธองค์ทรงแสดงปฐมเทศนาธรรม ณ จุดแห่งนี้ สถูปแห่งนี้เป็นอนุสรเตือนสติเพื่อให้ระลึกถึงกุศลธรรม ผู้เห็นธรรมคือ พระอัญญาโกณทัญญะ สันนิษฐานกันว่าน่าจะสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช (พ.ศ.269-311) ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองอย่างสูงสุด และอาจมีการบูรณปฏิสังขรณ์ต่อเติมขึ้นมาในสมัยราชวงศ์คุปตะ (ราว พ.ศ.900-1100) เพราะแผ่นอิฐด้านในพระสถูปนั้น มี อายุเก่าแก่กว่าแผ่นอิฐด้านนอก และลวดลายที่ปรากฏบนองค์พระสถูปด้านนอกนั้นเป็นลวดลายใบไม้ ดอกไม้ นก และรูปทรงเรขาคณิต ซึ่งเป็นศิลปะที่นิยมมากในสมัยคุปตะ

นอกจากนี้แล้วบริเวณยังมีส่วนที่สำคัญดังต่อไปนี้

  • เสาอโศก หรือ เสาหินพระเจ้าอโศกมหาราช
  • พระมูลคันธกุฏี หรือ “พระมูลคันธกุฏีวิหาร” ภายในอาณาบริเวณสารนาถในปัจจุบัน
  • พระพุทธรูปปางปฐมเทศนา ในพิพิธภัณฑ์สารนาถ เมืองพาราณสี  ซึ่งถูกขุดพบ ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน
    ที่มีผู้ยกย่องว่าเป็นพระพุทธรูปปางปฐมเทศนาที่งามที่สุดในโลก สร้างขึ้นในยุคสมัยคุปตะ (Gupta Period) เมื่อประมาณปีพุทธศักราช ๘๐๐-๑๒๐๐
  • เสาหัวสิงห์ ๔ ทิศ ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ ณ พิพิธภัณฑ์สารนาถ เมืองพาราณสี

สำหรับการจาริกแสวงบุญ ทางคณะแสวงบุญจะนำพาทุกท่านร่วมกิจกรรมบุญมากมาย อาทิเช่น

  • ร่วมปทักษิณา เวียนเทียนรอบธัมเมกขสถูปเป็นพุทธบูชา
  • ร่วมสวดมนต์ เจริญจิตภาวนา พร้อมร่วมกันสวดมนต์บทธรรมจักรกัปวัตนสูตร เป็นพุทธบูชา ณ บริเวณสังเวชนียสถานที่สำคัญ จุดนี้
  • ปิดทองคำเปลวเป็นพุทธบูชา ณ พระมูลคันธกุฏิ เมืองสารนาถ
  • ชมปฏิมากรรมที่สำคัญยิ่ง ณ พิพิธภัณฑ์สารนาถ เมืองพาราณสี

SARNATH

SARNATH:It is said that Lord Buddha delivered his first sermon after attaining enlightenment here in Sarnath.The buildings and monuments of Sarnath were built by the emperor Ashoka.

VISIT:Chowkhandi Stupa,Dhamekha Stupa,Ashok Pillar,Deer Park.


ภาพประทับใจและกิจกรรมต่างๆ ณ เมืองสารนาถ

พาราณสี ล่องเรือ ณ แม่น้ำคงคา

เมืองศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวฮินดู ต้องมาสักการะยังแม่น้ำคงคา เส้นทางสายน้ำที่ชาวเมืองพาราณสีและชาวอินเดียต้องมาทำพิธีอาบน้ำในช่วงเช้าของทุกวัน ทุกท่านจะได้พบกับวิธีชีวิตของชาวเมืองพาราณสีริมฝั่งแม่น้ำคงคาในยามเช้า พร้อมล่องเรือ ชมสถานที่สำคัญต่างๆรอบแม่น้ำคงคา อาทิเช่น ณ จุดที่เผาศพริมฝั่งแม่น้ำคงคา จะมีศพถูกนำมาเผาวันละประมาณ ๘๐-๑๐๐ ศพ ซึ่งท่าน้ำในเมืองพาราณสีมี ท่าน้ำทั้ง ๕ คือ ท่าอัสสี ท่าทศอัศวเมธ ท่าปัญจคงคา ท่ามณิกรรณิกา และท่าอธิเกศวร ที่สำคัญที่ชาวฮินดูต่างมาสักการะ

ชาวฮินดูส่วนใหญ่ในหนึ่งวันจะอาบน้ำเพียงหนเดียวคือในยามเช้า โดยเฉพาะผู้คนที่อยู่แถบริมแม่น้ำคงคา เนื่องด้วย ๑. เป็นการชำระร่างกายอันเป็นกิจประจำ ยังถือเป็นน้ำที่ล้างบาปไปด้วยในตัว ๒. การอาบในเวลาพระอาทิตย์ขึ้น เป็นการขอพรและบูชาพระสุริยเทพต่อการดำเนินชีวิตในแต่ละวัน

PB114696ฝั่งของแม่น้ำคงคามี ๒ ฝั่ง คือ ฝั่งสวรรค์ และอีกฝั่งที่อยู่ตรงข้ามคือ ฝั่งนรก

ณ สถานที่แห่งนี้ทุกท่านๆจะได้ร่วมปลงสังเวช ร่างกายนี้เมื่อหมดลมหายใจไม่สามารถนำอะไรติดตัวไปได้เลย เหลือเพียงเถ้าถ่าน ดังคำของพระพุทธองค์ที่ว่า

มะระณะธัมโมม๎หิ เรามีความตายเป็นธรรมดา

มะระณังอะนะตีโต  เราจะล่วงความตายไปไม่ได้

vns-PB114699



[insert page=’buddhist-destinations-1′ display=’content’]

เชิญร่วมแสวงบุญ

[insert page=’packagetour’ display=’content’]

Loading

ข้อมูลแสวงบุญ-ลุมพินี-

ชาตสถานสถานที่ประสูติ

สังเวชนียสถานแห่งที่ ๑ สวนลุมพินีลุมพินีวัน

สถานที่พระพุทธเจ้าทรงประสูติเป็นสังเวชนียสถานหนึ่งในสี่ตำบลที่สำคัญอย่างยิ่งพระพุทธเจ้าพระองค์ทรงประสูติได้ครู่หนึ่งทรงยืนได้อย่างมั่นคง ด้วยพระบาททั้งสองที่เสมอกันทรงผิน พระพักตร์ไปทางทิศเหนือ ทรงดำเนินไป ๗ ก้าวทอดพระเนตรไปยังทิศต่างๆ แล้วทรงเปล่งพระอาสภิวาจา

“เราคือผู้เลิศของโลก เราคือผู้เจริญที่สุดในโลก เราคือผู้ประเสริญที่สุดของโลก ชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย บัดนี้ภพใหม่ไม่มีอีกแล้ว”


ลุมพินีวันสถานที่ประสูติของเจ้าชายสิทธัตถะ ตำบลลุมบินเด อยู่กึ่งกลางระหว่างกรุงกบิลพัสด์กับกรุงเทวทหะ ในปัจจุบันพื้นที่สวนลุมพินีวัน อยู่ห่างจากชายแดนประเทศอินเดีย เข้าไปยังประเทศเนปาลประมาณ ๒๕ กิโลเมตร การจาริกแสวงบุญยัง สังเวชนียสถานแห่งนี้ ถือเป็นส่วนที่สำคัญยิ่งเนื่องจากสถานที่แห่งนี้ พระเจ้าอโศกมหาราช ทรงสร้างอโศกขึ้นเพื่อเป็นที่จารึกว่า พระพุทธองค์ทรงประสูติ ณ สถานที่แห่งนี้

  • สวดมนต์เจริญจิตภาวนา ณ สถานที่พระพุทธองค์ทรงประสูติ บริเวณเสาอโศกที่บันทึกไว้ในอักษรพราหมณี ว่า สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ประสูติ
  • มายาเทวีวิหาร ภายในมีรูปพระนาง สิริมหามายาเทวีแกะสลักด้วยหิน ยืนประทับเหนี่ยวกิ่งสาละ และข้างหน้าเป็นรูปเจ้าชายสิตธัตถะ กำลังก้าวพระบาทไปบนดอกบัว เป็นสิ่งที่ศักดิ์สิทธิ์มากที่สุดของชาวพุทธในเนปาล
  • วัดไทยลุมพินีที่สร้างถวายเป็นพุทธบูชา
  • รูปปั้นพระพุทธเจ้าน้อย หน้าทางเข้าลุมพินีวัน

การเดินทางมายังลุมพินีวัน

สามารถเดินทางได้ ๒ วิธีโดยส่วนใหญ่คือ

  • เดินทางตามแผนการจาริกแสวงบุญสังเวชนียสถานโดยรถยนต์ส่วนตัว ส่วนใหญ่แล้วทุกๆทริปการเดินทาง จุดเมืองลุมพินีวัน จะไม่ใช่จุดเริ่มต้นถ้าใช้ทางรถยนต์มักเป็นจุดที่ ๒ หรือ ๓ โดยมีการเดินทางโดยรถยนต์หลายเส้นทางอาทิเช่น เดินทางจากเมือง
    • สาวัตถี-ลุมพินี ระยะทางประมาณ 150 กิโลเมตร ระยะเวลา 6-7 ชม เนื่องจากทางไม่ค่อยดี
    • กุสินารา-ลุมพินี ระยะทางประมาณ 200 กิโลเมตร ระยะเวลา 4-5 ชม
  • เดินทางโดยเครื่องบินภายในประเทศจากเมืองหลวงประเทศเนปาล(กาฐมาณฑุ)-ลุมพินี ใช้ระยะเวลาประมาณ 45  นาที

สำหรับฟาฟา ทราเวล ได้จัดแผนการเดินทางเพื่อรองรับกิจกรรมทัวร์ในหลายๆโอกาสโดยเลือกใช้เส้นทางในวันที่พักเมืองกุสินารา จากนั้นเดินทางต่อไปยังเมืองลุมพินีวัน เนื่องจากระยะทางและความสะดวกในการจัดที่พักและง่ายต่อการเดินทาง จึงถือว่าเส้นทางนี้มีความเหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง

lumbini-map


ที่พักในเมืองลุมพินี

ในส่วนของ ฟาฟา ทราเวล ทุกๆทริปการให้บริการในทุกทัวร์สำหรับเมืองลุมพินีจะใช้บริการ โรงแรมระดับ3-4ดาวมาตรฐานเนปาล ยกตัวอย่างเช่น Zambala Hotel โดยที่พักมีเครื่องอำนวยความสะดวก ทั้งน้ำอุ่นและเครื่องปรับอากาศ พร้อมทั้งอาหารมาตรฐานโรงแรม สามมื้อ เช้า กลางวัน และ เย็น สะอาด ปลอดภัย

lub-PB083471


ภาพตัวอย่างบรรยากาศแสวงบุญ ณ ลุมพินีวัน ประเทศเนปาล


วัดไทย ๙๖๐

สำหรับการเดินทางก่อนข้ามเขตแดนอินเดีย จะมีวัดไทยตั้งอยู่ชื่อว่าวัดไทย ๙๖๐ ซึ่งวัดไทยแห่งนี้จะรองรับผู้แสวงบุญ ที่จะเดินทางสู่เมืองลุมพินี หรือจากลุมพีนีสู่เมืองอื่นๆ ทั้งห้องน้ำและอาหารเครื่องดื่มคอยให้บริการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โรตีทอดกรอบพร้อมนมข้นหวาน ที่เป็นสูตรเฉพาะมีที่นี่แห่งเดียวเท่านั้น ถือได้ว่าเป็นอาหารว่างที่อร่อยที่สุด และขึ้นชื่อที่สุด พูดง่ายๆ ถ้ามาวัดไทย ๙๖๐ แล้วไม่ได้ชิมโรตีที่นี่ เหมือนไม่ได้มาแสวงบุญ ฟาฟา ทราเวล ทุกๆทริปที่เดินทางแสวงบุญจะแวะพักผ่อนและร่วมถวายผ้าป่า ณ วัดไทย ๙๖๐ เป็นประจำ


[insert page=’buddhist-destinations-1′ display=’content’]

เชิญร่วมแสวงบุญ

[insert page=’packagetour’ display=’content’]

Loading